หลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย–จีน (บทจ.) รุ่นที่ 2 เปิดเวทีเจาะลึก “รอบรู้การแข่งขันทางการค้า” ติดอาวุธให้ผู้ประกอบการสามารถปกป้องตัวเองได้ หากพบกับการถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมจากคู่แข่ง-คู่ค้า เพิ่มขีดความสามารถในการตรวจสอบพฤติกรรมทางธุรกิจของตนเองและคู่แข่ง-คู่ค้า รับมือสงครามการค้าที่ดุเดือด

สถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย–จีน ร่วมกับ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน และหอการค้าไทย–จีน จัดการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “รอบรู้การแข่งขันทางการค้า” ให้แก่ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย–จีน รุ่นที่ 2 (บทจ.2) ณ ห้องมรกต ชั้น 3 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจาก สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า มาถ่ายทอดความรู้เชิงลึก พร้อมกรณีศึกษาต่างๆที่เกิดขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองต่างๆ ในด้านการแข่งขันทางการค้าที่อาจเข้าข่ายละเมิด พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าให้กับข้อตกลงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาการผลิต และกำกับดูแลการจัดจำหน่ายสินค้า และส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคนิคหรือเศรษฐกิจ เพื่อติดอาวุธทางปัญญาให้แก่ภาคธุรกิจไทยในการ ดำเนินกิจการต่างๆโดยราบรื่น ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในมิติความร่วมมือไทย-จีน ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และวัฒนธรรม ภายใต้การสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และ China Media Group (CMG)

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้ฉายภาพรวมของหลักกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ซึ่งเป็นการปกป้องการแข่งขันให้เกิดความยุติธรรมในการแข่งขันทางการค้า มิใช่การปกป้องคู่แข่งขันให้เกิดความได้เปรียบโดยอาศัยปัจจัยทางธุรกิจที่เหนือกว่า เช่น ขนาด เงินทุน อำนาจในการต่อรอง ส่วนแบ่งการตลาด ฯ ลฯ (Protect Competition, Not Competitor) โดยการกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมาธิการการการแข่งขันทางการค้า ได้จำแนกการกำกับดูแลออกเป็น 2 ประเภท คือ การกำกับโครงสร้าง(Structure Control) และ การกำกับพฤติกรรม(Conduct Control) อย่างไรก็ตาม กฎหมายการแข่งขันทางการค้านี้ ได้รับการยกเว้นการบังคับใช้กับหน่วยงานต่างๆ ตาม มาตรา 4 ได้แก่ ส่วนราชการทุกระดับ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานอื่นๆของรัฐ กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ และธุรกิจเฉพาะที่มีกฎหมายเฉพาะกำกับดูแลต่างหาก เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท), การตลาดหลักทรัพย์(กลต), คณะกรรมการประกันภัย(คปภ)ม การสื่อสารและโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช) ฯ
พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 บัญญัติขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันการผูกขาดและการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยมีบทลงโทษที่เป็นทั้ง โทษทางอาญา และ โทษทางปกครอง เช่น โทษทางอาญา ได้แก่ มาตรา 50 การใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม และมาตรา ๕๔ การร่วมกันที่ส่งผลกระทบร้ายแรง เช่น การฮั้วกันของหน่วยธุรกิจเพื่อทำการค้าผูกขาด ทำร้าย ทำลายคู่แข่งขันทางการค้าอย่างไม่ยุติธรรม มีโทษจำคุกไม่เกิน2 ปี ปรับไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นของรายได้ในปีที่ทำผิด เป็นต้น

โทษทางปกครอง ได้แก่ มาตรา 51การขออนุญาตควบรวมธุรกิจที่อาจเกิดการผูกขาด หรือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด การควบรวมธุรกิจที่อาจลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ มาตรา 55  การควบรวมกันที่ส่งผลกระทบไม่ร้ายแรง มาตรา ๕๗ การปฏิบัติทางการคาที่ไม่เป็นธรรม และ มาตรา 58 การทำนิติกรรมหรือสัญากับผู้ประกอบธุรกิจในต่างประเทศอย่างไม่มีเหตุผลอันควร ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและผู้บริโภค เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้ยกตัวอย่างคดีความต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นกรณีศึกษา เช่น สงครามส่งเสริมการขายของ Big C และ Tesco Lotus และ คดีอื่นๆอีกมากมาย มาตอบข้อซักถามและหารือในประเด็นต่างๆอย่างสนุกสนาน เลยกำหนดเวลาการอบรมไปกว่าชั่วโมง ท่านเลขาธิการ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้ตอกย้ำว่า ทางคณะกรรมการฯ พร้อมช่วยเหลือให้คำปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการธุรกิจด้วยความเต็มใจและยินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยผู้ประกอบการสามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาหรือแจ้งเบาะแสการกระทำอันละเมิด พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ต่างๆได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ทาง www.tcct.or.th หรือ 021995400 email: saraban@tcct.or.th